[Christmas Fiction] “ผมฆ่าซานตาคลอส” - [Christmas Fiction] “ผมฆ่าซานตาคลอส” นิยาย [Christmas Fiction] “ผมฆ่าซานตาคลอส” : Dek-D.com - Writer

    [Christmas Fiction] “ผมฆ่าซานตาคลอส”

    ถ้าคืนนั้นผมไม่พี้ยาหนักไปหน่อย.... ถ้าคืนนั้นผมเลือกที่จะอ้วกแตกคาโถส้วมในห้องน้ำของเพื่อนแทนที่จะออกมาเดินเล่น... และถ้าผมไม่เอาก้อนอิฐทุบกบาลไอ้แก่นั่น.... เรื่องทั้งห

    ผู้เข้าชมรวม

    172

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    172

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.ค. 55 / 17:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     [Christmas  Fiction] “ผมฆ่าซานตาคลอส”

                            ถ้าคืนนั้นผมไม่พี้ยาหนักไปหน่อย....
                            
                      ถ้าคืนนั้นผมเลือกที่จะอ้วกแตกคาโถส้วมในห้องน้ำของเพื่อนแทนที่จะออกมาเดินเล่น...

                      และถ้าผมไม่เอาก้อนอิฐทุบกบาลไอ้แก่นั่น....
                      เรื่องทั้งหมดนี่ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก....
                             
                            
                      ผมจะประโยคเงื่อนไขอีกร้อยแปดพันประการมาอ้างเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นก็ได้...
                      แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว คุณรู้ไหม
                      มันเป็นอาชญากรรมครั้งเพียงครั้งเดียวที่ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ
                      ที่ทำลงไป....

                                  *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

                            สาเหตุไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก ก็เหมือนอาชญากรรมอื่นๆ
                      ที่เกิดขึ้นเป็นร้อยพันคดีในทุกค่ำคืนของมหานครนั่นแหละ
                      คุณน่าจะรู้ตัวอยู่แล้วนะว่าไม่ควรจะเปิดโอกาสให้พวกเรา อ้อ
                      ขอแนะนำตัวหน่อยนะ ผมชื่อ เจฟฟ์ ชายหนุ่มอายุ 22
                      อ่านออกเขียนได้เท่าที่ความรู้ระดับ ม.ต้น
                      แบบกระพร่องกระแพร่งจะอำนวย มีที่ซุกหัวนอนอยู่ในเขตบรองซ์
                      มันก็ไอ้ย่านชุมชนแออัดของนิวยอร์กแม่งดีๆ นี่เอง ขออภัยในคำสบถ
                      ถ้าใครอยู่ในสภาพเดียวกับผมแม่งก็ต้องมีโว้ยวะออกมาบ้างละวะ
                      แต่ผมพยายามสัญญากับตัวเองอยู่ว่าจะไม่ใช้คำพวกนี้บ่อยนัก เผื่อ
                      “ไอ้พวกข้างบน” แม่งจะมองเห็นความดีของผมขึ้นมาบ้าง

                            โอเค
                      ผมจะตัดเข้าเรื่องก่อนที่คุณจะเซ็งแล้วขยำมันทิ้งลงถังขยะ
                      เชื่อผมเหอะ คุณควรจะอ่านมันจนจบ
                      ไม่ว่าผมจะบรรยายถึงมันได้ห่วยแตกขนาดไหนก็ตาม
                      คิดซะว่าเป็นคำแนะนำจากรุ่นพี่ก็แล้วกัน
                             
                            เรื่องมันเกิดขึ้นในวันคริสมาสต์อีฟ ใช่
                      ในขณะที่คนส่วนมากดื่มเอ็กน้อก เอร็ดอร่อยกับไก่งวงตัวอ้วน
                      สังสรรค์กับครอบครัว ผมกับเพื่อนๆ
                      พี้ยาเฉลิมฉลองวันประสูติขององค์จีซัส เราสนุกกันแทบตายห่า
                      ผมยังจำได้อยู่เลยว่าพวกเราที่ยังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง
                      ต้องช่วยกันรั้งไอ้แดนนี่ตอนแม่งแหกปากว่า
                      มันคือฑูตสวรรค์ลงมาจุติ แล้วทำท่าจะพุ่งหลาวทะลุหน้าต่างชั้น 11
                      ลงไป ...
                             
                            ผมออกนอกเรื่องอีกแล้ว นั่นแหละ
                      เมื่อไมเคิลเจ้าของห้องสลบจมกองอ้วกของตัวเองไปแล้ว
                      ผมก็ตัดสินใจว่าจะออกมาเดินเล่นรับลมหนาวข้างนอกสักหน่อย เอาให้
                      “สร่าง” น่ะ คงเข้าใจนะ

                            ผมเดินผ่านคู่รักที่หัวร่อต่อกระซิก ซานตาคลอสที่ร้อง “โฮ่
                      โฮ่ โฮ่ เมอรร์รี่คริสมาสต์” ซ้ำๆ ซากๆ
                      เหมือนหุ่นยนต์ลานเสียจนมาถึงเซนทรัลปาร์กโทรมๆ
                      จนบัดนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมขาถึงพาผมมาที่นี่
                      ไอ้สิ่งที่เรียกว่า “ชะตากรรม” อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้นะ...

                            มันก็ที่นั่นแหละ ที่ผมได้เจอกับ “เขา”

                            ให้ตายเหอะ
                      ไอ้หมอนั่นเป็นซานตาคลอสที่โทรมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาตลอดชีวิตห่วยๆ
                      20 กว่าปีที่ผ่านมาเลยว่ะ
                            
                      ไฟประดับจากทุกหนแห่งสว่างพอจะทำให้ผมเห็นรูปร่างเขาได้ชัดเจน
                      คุณคงชินกับภาพซานตาคลอส ชายแก่อ้วนพุงพลุ้ย แก้มแดง เคราขาว
                      แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีลักษณะใกล้เคียงอย่างที่ว่านี่เลยแม้แต่น้อยนิด
                      หมอนั่นผอมจนแลดูสูงชลูด
                      มันไม่ได้รับกับไอ้ชุดซานต้าหลวมโพรกที่เขาใส่เลยสักนิด
                      ผมชำเลืองมองใบหน้าของเขาแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก
                      ด้วยว่ามันดูแก่เฒ่าและยับย่นเสียจนผมไม่กล้าจะประเมินอายุ
                      ปกติในนิวยอร์ค
                      เราไม่ค่อยจะเห็นคนแก่ขนาดนี้ออกมาเพ่นพ่านนักหรอกถ้าไม่ซวยต้องเจอคำสั่ง ศาลให้ไปทำงานบริการสังคมที่บ้านพักคนชราน่ะนะ


                            ชายแก่คนนั้นนั่งสัปหงกอยู่ที่ม้านั่งอย่างเดียวดาย
                      ข้างตัวมีถุงผ้าป่านสีขาวใบใหญ่วางอยู่
                      คุณเห็นแล้วก็คงเดาได้เลยว่าหมอนี่ต้องถูกคิกเอ้าท์มาจากห้างสรรพสินค้าที่ไหนสักแห่ง
                      ข้อหาทำลายความฝันเด็กเล็กๆ เรื่องซานตาคลอสของพวกแกแน่ๆ
                      บางทีผมก็ซ้อมคนแก่ที่ไร้ทางสู้เพื่อความสะใจและเศษเงินเล็กๆ
                      น้อยๆ แต่กับหมอนี่ ผมไม่คิดแม้แต่จะเสียเวลาสักวินาทีด้วย
                      ผมยังไม่อยากให้เลือดคนแก่มาเปื้อนรองเท้า “รีบ็อกซ์” ที่เพิ่ง
                      ”ตบ” มาจากเหยื่อรายล่าสุดมาหมาดๆ ว่ะ

                            ผมกำลังจะเดินผ่านเขาไปแล้วเชียวนะ
                      ตอนที่หมอนั่นพรวดพราดขึ้นมาจากเก้าอี้น่ะ ให้ตายเหอะ
                      ถ้าคุณเห็นท่าตอนที่หมอนี่เด้งขึ้นมาล่ะก็
                      คุณต้องคิดว่าเขาเป็นเด็ก 7 ขวบที่กำลังคึกคักเต็มสตีม
                      ไม่ใช่ชายแก่ใกล้ตายมิตายแหล่หยั่งงี้หรอก
                            หมอนั่นกระโจนพรวดเดียวเข้ามาถึงตัวผม
                      สองมือของแกเข้าเกาะกุมไหล่ผมไว้แน่น ปากก็พร่ำอะไรไม่เป็นภาษา
                      ผมจับความได้แต่ “พ่อหนุ่ม..พ่อหนุ่ม...” อะไรสักอย่างนี่แหละ
                      แกมีสำเนียงแปลกๆ หูไม่คุ้น
                      ผมพยายามปัดมือแกทิ้ง แต่ให้ตายเหอะ
                      มือแกเกาะบ่าผมไว้แน่นอย่างกับคีมเหล็กจนไหล่เจ็บหนึบๆ
                      ตอนนั้นผมไม่ยักกะรู้ว่าคนแก่ๆ มีเรี่ยวแรงขนาดนี้แฮะ

                            “ปล่อยโว้ย ไอ้แก่” ผมคำรามกรอด
                      ปัดมือแกเต็มเหนี่ยวด้วยแรงโทสะจนแกล้มลงไปกระแทกก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
                      “อย่ามายุ่งกับกู” ผมสำรากทับก่อนหันหลังกลับ
                      ตั้งใจจะกลับไปพี้ยาต่ออีกรอบ “ของ” คราวนี้แม่งเด็ดซะด้วย
                      เมอร์รี่คริสมาสต์จริงๆ เถอะวะ ให้ตายห่าสิ

                            แต่ก่อนจะได้ก้าวขาต่อ ท่อนขาผมก็ถูกอะไรบางอย่างยึดเอาไว้
                      ก็ตาแก่นั่นแหละ แกลนลานคลานมาเกาะขาผมไว้แน่นอย่างกับตุ๊กแก
                      ชุดซานต้าคลอสสีแดงที่เก่าโทรมเปื้อนคราบไคลน่าสะอิดสะเอียน
                      ปากแกยังพร่ำพูด “พ่อหนุ่ม..พ่อหนุ่ม...” ไม่หยุด
                      แกมองผมด้วยแววตาไม่ผิดจากแววตาหมาขี้เหร่ในกรงขังเทศบาลมองคนเมตตาที่มาหาหมาไปเลี้ยง...
                      แววตาอ้อนวอนของคนที่สิ้นหวังจนถึงขีดสุด

                            คนอื่นอาจจะรู้สึกเวทนา... จะเฮงๆ ซวยๆ
                      ยังไงนี่มันก็คริสมาสต์ วันประสูติของจีซัส วันแห่งการให้อภัย
                      ความรัก และการแดกไก่งวง ห่าเหวอะไรที่คนชอบพูดกันพวกนั้น

                            แต่...
                            ผมเกลียดการถูกมองด้วยแววตาแบบนี้ที่สุด....

                            ทันทีที่เพลิงโทสะพลุ่งขึ้นมา
                      ผมปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเหมือนที่เคยเป็นบ่อยๆ สมัยยังอยู่ในโรงเรียน
                      ผมเคยอัดไอ้หัวขโมยที่จิ๊กกัญชาจากผมไปจนเลือดท่วมห้องน้ำ
                      และนักจิตวิทยาของโรงเรียนเต้องจับผมไปวิเคราะห์หล่อนบอกไว้ว่าผมมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์
                      เนื่องจากเส้นประสาทและฮอร์โมนแม่งเป็นอะไรสักอย่าง
                      ก็ดีแต่พูดกันทั้งนั้นล่ะวะ ผมก็รู้แค่ว่าถ้าผมโกรธ
                      โลกรอบข้างทั้งหมดจะดับวูบ และเมื่อรู้สึกตัวอีกที
                      ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมโกรธก็จะต้องลงไปเละกับพื้น

                            ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
                      ฤทธิ์ยาทำให้โทสะของผมระเบิดออกมาง่ายและรุนแรงกว่าที่เคย
                      ผมก็อยากจะอ้างแบบนั้นหรอกนะ.... แต่มาคิดทีหลัง ในตอนนั้น
                      อะไรบางอย่างในตัวผม ร่ำร้องและรับรู้อยู่แล้วว่า “สิ่งนี้”
                      จะต้องเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ... มัน “ต้อง”
                      เกิดขึ้นอยู่แล้ว

                            ผมก้มตัวลงกระชากคอเสื้อแกขึ้นมา
                      แล้วส่งหมัดขวากระแทกเข้าที่แก้มซ้ายอย่างถนัดถนี่
                      ร่างผอมบางของซานตาคลอสจอมปลอมปลิวไปกระแทกเข้ากับม้านั่งจนล้มคว่ำ
                      ถ้าฟังไม่ผิด ผมว่าผมได้ยินเสียงกระดูกกรามหักดังกร๊อบด้วยซ้ำไป
                      สมน้ำหน้า แม่งเสือกหาเรื่องเองนี่หว่า

                            ถ้าเป็นคนแก่ทั่วไป
                      เจอแค่นี้เข้าก็น่าจะคอหักตายคาที่ไปแล้ว
                      แต่ตาแก่นี่กลับอึดเกินความคาดหมาย แกยังส่งเสียงครวญครางสูงๆ
                      ต่ำ “พ่อหนุ่ม..พ่อหนุ่ม...” ไม่ยอมหยุด

                            ผมต้องยอมรับว่าหลังจากระบายไปหมัดหนึ่ง
                      โทสะของผมก็คลายความครุกกรุ่นลงไปเยอะแล้ว
                      แต่เห็นสภาพไอ้แก่ที่ลงไปนอนคลุกฝุ่นแบบนั้นแล้วยังไม่ยอมตายทำให้ผมเกิดนึกสนุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
                      แกทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็กๆ
                      ที่เคยจับลูกแมวยัดใส่กล่องแล้วฝังทั้งเป็นว่ะ
                      คุณรู้มั้ยว่าต้องรอตั้งสามชั่วโมงกว่า
                      กว่าเสียงเล็บข่วนกล่องกระดาษแกรกๆ และเสียงร้องเมี้ยวๆ
                      จะเงียบหายไปน่ะ
                            ผมฉวยอิฐบล็อคขนาดเหมาะมือมาจากแถวๆ นั้น
                      ก้าวเข้าไปยืนจังก้าค้ำหัวร่างโชกเลือดที่ยังส่งเสียงครวญครางเป็นระยะ
                      พอดูใต้แสงไฟชัดๆ แบบนี้แล้ว
                      ใบหน้าที่แห้งเหี่ยวด้วยรอยย่นที่บัดนี้นองไปด้วยน้ำเลือด
                      น้ำลายของแกยิ่งดูอัปลักษณ์จนผมอยากสำรากเต็มที
                             
                            “เฮ้ย ไอ้แก่” ผมตะโกนก้อง เอาให้ชัดๆ
                      ไปเลยว่าทะลวงเข้าไปในรูหูตาแก่นี่แน่ “ทนมือทนตีนนักนะมึง
                      ลองอิฐบล็อคหน่อยเป็นไงวะ ”

                            ไม่ต้องรอฟังคำตอบจากแกหรอกว่าตกลงอยากลองหรือเปล่า
                      ผมเงื้อง่าอิฐบล็อคในมือขึ้นสูง แล้วฟาดลงกลางศีรษะล้านเลี่ยน

                                  *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

                            จากนั้นพอรู้สึกตัวอีกที
                      ผมก็กลับมาอยู่ในห้องรูหนูในอพาร์ทเมนต์ของผมแล้วว่ะ
                      พร้อมกับไอ้ถุงป่านขาวๆ นั่นกองอยู่ข้างตัวด้วย
                      ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคว้ามันติดมือมาด้วย
                      เดาเอาว่าคงเป็นสันดานมือไวของตัวเองที่ชอบฉกของมาเป็น
                      “ที่ระลึก” ล่ะมั้ง
                      น่าแปลกที่ถุงขนาดใหญ่นั้นดูเหมือนจะส่งเสียงกุกกักได้ทั้งที่ผมไม่ได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ
                      ถึงข้างในคงจะมีแต่ขยะก็เหอะ
                      ผมก็อดไม่ได้ที่ล้วงมือควานเข้าไปภายใน เผื่อจะเจอลาภลอยมั่ง

                            
                      สิ่งที่ติดมือออกมาคือกล่องของขวัญขนาดใหญ่ห่อกระดาษสีสวยสดประดับพร้อมโบว์และริบบิ้นอย่างสวยงาม
                      มันใหญ่จนผมสงสัยว่าแม่งยัดลงไปในถุงได้ไงด้วยซ้ำ แต่ก็ดี
                      ไม่นึกว่าตาแก่นี่จะมี “เซอร์ไพรส์” งามๆ อยู่กับตัว
                      ของข้างในจะเป็นอะไรก็ช่าง ดีๆ เลวๆ
                      คงพอเอาไปขายตามตลาดมือได้เงินมาสัก 4- 5
                      เหรียญพอยาไส้แก้ขัดไปได้สักพัก
                      ผมตั้งท่าจะฉีกกระดาษและริบบิ้นที่ห่อหุ้มมันออกอย่างตะกลาม
                      ก็ไอ้ที่สำคัญน่ะมันคือเนื้อในไม่ใช่หรือ

                      แต่ว่า...

                      ยังไม่ทันที่มือจะได้แตะริบบิ้นด้วยซ้ำ
                      ไอ้กล่องบ้านั่นก็ส่งเสียงดังกุกกักจากภายใน
                      จนผมหยุดชะงักกึกเพื่อจ้องดูมันด้วยความประหลาดใจ
                      มันค่อยๆ ส่งเสียงกุกกักดังขึ้นเรื่อยๆ
                      มิหนำซ้ำยังออกอาการเอียงซ้ายเอียงขวา
                      กระแทกพื้นดังตึงตังจนในที่สุดมันก็ล้มคว่ำลงกับพื้น

                      แล้ว....
                      สิ่งนั้นก็โผล่ออกมา...

                      คุณต้องไม่เชื่อแน่เลย ไอ้ห่า
                      ผมก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันล่ะวะ
                      พนันกันร้อยเหรียญว่าคุณไม่มีวันทายถูกแน่ๆ
                      ว่าไอ้ที่โผล่มาน่ะมันคืออะไร จะลองทายดูไหมล่ะ ?

                      ลูกหมาหรือลูกแมวน้อยน่ารัก....?
                      แจ็คอินเดอะบ็อกส์ แบบพิศดาร... ?
                      เซ็กส์ทอยที่ไอ้วิปริตบางคนสั่งซื้อให้คู่ขา.... ?
                      คอมพิวเตอร์ยุคใหม่รูปคนที่ทำอะไรๆ ได้เอง...?

                      ผิดหมดเลยว่ะคุณ ก็ไอ้ที่โผล่มาน่ะมัน...
                      เลื่อยไฟฟ้า !

                      เออ ก็ไอ้เลื่อยแบบที่ไอ้บ้าเจสันแห่งศุกร์ที่ 13
                      ถือเป็นเอกลักษ์ประจำตัวนั่นแหละ
                      ผิดกันแต่ว่าไอ้นี่ขนาดเล็กย่อลงมาซัก 20 เท่าได้มั้ง
                      มันโผล่พรวดทะลุกล่องของขวัญมาพร้อมกับเสียงคำรามแสบแก้วหู
                      ในขณะที่ผมกำลังจ้องมองมันด้วยความตะลึงงัน
                      เจ้าของที่ถือมันก็โผล่ตามออกมาในไม่กี่วินาทีติดๆ
                      คราวนี้คุณคงเดาได้ง่ายแหงๆ ว่ามันคือตัวอะไร
                      ก็พวกคุณเห็นมันออกจะบ่อยนี่นะ
                      ทั้งในหนังและโฆษณาในช่วงฤดูกาลนี้....

                            ก็ผู้ช่วยตัวน้อยของซานต้า... เอลฟ์ ! ไงล่ะ

                      เสียแต่ว่าไอ้ตัวนี้มันไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูอย่างในภาพโฆษณาเลยแม้แต่นิดเดียว
                      ทั้งๆ ที่สูงไม่ถึง 30
                      ซม.แต่รูปร่างของมันพิกลพิกาลอย่างน่าเกลียด
                      ดวงตาหยีเล็กฉายแววเจ้าเล่ห์พร้อมหนังตาที่หนาเปอะ
                      จมูกที่เต็มไปด้วยปุ่มปมยื่นออกมาปิดใบหน้าที่งอง้ำเกือบหมด
                      แต่ก็ยังเห็นฟันซี่ดำแหลมเล็กที่น่าจะเรียกว่าเขี้ยวยื่นออกมาจากบริเวณที่น่าจะเป็นปาก
                      มิหนำซ้ำ แขนขาทั้งสี่ของมันไม่สม่ำเสมอกันเลยแม้แต่ข้างเดียว
                      ทำให้มันเดินปัดไปเป๋มาอย่างน่าสังเวช

                      มันเหลียวล่อกแล่กไปมาทางโน้นทางนี้อยู่ชั่วครู่กว่าจะสังเกตเห็นผมยืนอ้าปากค้างอยู่
                      เจ้าสัตว์ประหลาดจ้องผมอยู่ชั่วขณะก็ส่งเสียงหัวเราะเคี๊ยกๆ
                      ดังแหลมบาดแก้วหู

                      “มาสเตอร์คนใหม่ ! เราได้มาสเตอร์คนใหม่ ! ยังหนุ่มแน่นเสียด้วย
                      นับว่าโชคไม่เลวเลยจริงๆ”

                            ยังไม่ทันที่ผมจะได้สติว่านี่มันเรื่องห่าอะไรกัน
                      ไอ้ปีศาจร่างจิ๋วก็ร้องตะโกนก้อง
                             
                            “เอ้า ออกมา ! ออกมา !
                      ไสหัวออกมาต้อนรับมาสเตอร์คนใหม่กันหน่อยสิวะ !”

                            ยังไม่ทันสิ้นเสียงแหลมๆ ของมัน
                      ปีศาจตัวจ้อยร่างแล้วร่างเล่าก็ผุดพลุ่งออกมาจากกล่องของขวัญจากนรกกล่องนั้น
                      แต่ละตัวแม้จะมีรูปร่างไล่เลี่ยกัน แต่ทุกตัวล้วนถืออาวุธครบมือ
                      ความอัปลักษณ์ของพวกมันไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าตัวแรกเลยสักนิด

                            
                      ผมแหกปากร้องจนแทบสิ้นสติด้วยความกลัวในขณะที่พวกมันยังทยอยกันกระโดดออกมาเรื่อยๆ
                      จนดูราวกับจะไม่มีวันหมด
                      สัญชาตญาณการเอารอดบอกให้ผมวิ่งและวิ่งออกจากนรกแห่งนี้ซะ
                      ผมหันหลังกลับทันที
                            แต่ดูเหมือนผมจะยังช้ากว่าพวกมัน
                      เจ้าตัวหัวหน้าฟันผมเข้าให้ที่ข้อเท้าด้วยเลื่อยไฟฟ้าเล็กจิ๋วแต่คมกริบ
                      เลือดสดๆ แดงฉาดกระฉูดออกมาจากปากแผลทันที ไอ้ห่าเอ๊ย
                      มันคงฟันโดนเส้นเลือดใหญ่
                            ผมถลาล้มโครมไปข้างหน้าอย่างสิ้นท่า
                      เจ้าปีศาจตัวจ้อยตัวอื่นๆ
                      กรูกันขึ้นมาบนร่างผมราวกับแมลงสาบรุมกันแทะเศษอาหารโอชะ
                      ผมจำได้ว่าแหกปากร้องเสียงโหยหวน
                      พร้อมกับปัดป่ายพวกมันกระเด็นกระดอนไปคนละทางสองทาง
                      แต่ก็เปล่าประโยชน์ พวกมันกลุ้มรุมกันเข้ามาใหม่อย่างไม่ยอมแพ้
                      ไอ้ปีศาจตัวน้อยของพระเจ้า....
                             
                            จากนั้นสติของผมก็ดับวูบลง

                      *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

                      มารู้สึกตัวอีกที
                      ผมก็พบว่าตัวเองถูกตรึงไว้กับพื้นห้องอย่างแน่นหนาด้วยเชือกเส้นเล็กบาง
                      แต่เหนียวราวกับไนลอน
                      ส่วนของร่างกายที่พอจะกระดุกกระดิกไม้เพียงเหนือคอขึ้นไปเท่านั้น
                      ผมเอี้ยวศีรษะมองไปรอบๆ
                      สิ่งที่เห็นคือเจ้าปีศาจตัวน้อยกระจายกำลังกันอยู่เต็มห้องที่เคยเป็นห้องของผม
                      บางกลุ่มกำลังรื้อของในตู้เย็นออกมากัดแทะอย่างเบิกบาน
                      ผมนึกภาวนาในใจขอให้ไอ้ตัวที่กำลังแทะซาลามี่ที่หมดอายุไปเมื่อสองเดือนจู๊ดๆ
                      ตายห่า จังหวะนั้น
                      เจ้าตัวหัวหน้าที่กำลังยืนเต๊ะท่าอยู่บนกล่องของขวัญเหลียวหันมาเห็นผมเข้าพอดี
                      มันส่งเสียงหัวเราะเคี๊ยกๆ แหลมแก้วหูอีกครั้ง ก่อนจะร่ายยาว
                             
                            “มาสเตอร์ มาสเตอร์ ! ถ้าท่านยอมนั่งฟังพวกเราดีๆ
                      เราก็คงไม่ต้องทำกับท่านแบบนี้หรอก พวกเรายินดีจากใจจริง
                      ที่จะได้รับใช้มาสเตอร์คนใหม่
                      มาสเตอร์คนเก่าอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากผ้าขี้ริ้วแล้ว ยินดีนัก
                      ยินดีนัก มาสเตอร์คนใหม่ในรอบ 50 ปี !”

                            ผมจ้องมันนิ่ง ความตื่นตกใจในตอนแรกปลาสนาการไปแล้ว
                      จะดิ้นรนไปทำไมเมื่อรู้ว่าเปล่าประโยชน์ ผมตั้งสติสั่งมันกลับไป
                      ผมอาจจะไม่มีการศึกษา แต่ผมไม่ได้ "โง่" หรอกนะคุณ
                             
                            “ถ้าฉันเป็นมาสเตอร์ของพวกแกจริง
                      แกก็ต้องเชื่อที่ฉันสั่งสิ ฉันสั่งให้พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ !”

                            เจ้าภูตปีศาจส่งเสียงหัวเราะประหนึ่งเย้ยหยันก่อนให้คำตอบ

                            “ไม่ได้หรอก มาสเตอร์ ถ้าทำแบบนั้นท่านก็จะหนีอีกใช่ไหมล่ะ
                      ใช่ไหม อีกอย่าง ท่านโทนาคายก็ยังมาไม่ถึงด้วย
                      อีกไม่นานหรอกนายท่าน อีกไม่นานหรอก กรุณารออีกสักนิดเถอะนะ”

                            “พวกแกเป็นใคร ! มาสเตอร์ที่แกว่าคืออะไร !”
                      ผมรัวคำถามใส่มันด้วยความหงุดหงิดที่คำสั่งไม่ได้รับการปฎิบัติตาม
                      เจ้าภูตทำท่าตบหัวตัวเอง แล้วส่งเสียงหัวเราะแหลมๆ ดัดจริต

                            “จริงสิ จริงสิ
                      สโนว์บอลลืมเสียสนิทว่ายังไม่ได้แนะนำตัวให้มาสเตอร์รู้จักเลย
                      ช่างเสียมารยาทเสียจริงๆ ขออภัย ขออภัย !”

                            ผมกัดฟันกรอด
                      อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ล่ะว่าไอ้ห่านี่ชื่อสโนว์บอล
                      ชื่อไม่ได้สมตัวสักนิด อย่าให้กูหลุดไปได้นะมึง
                      แม่งจะกระทืบให้แหลกคาตีน
                      แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้แต่คิดในใจเท่านั้น
                      ผมยังต้องทนเงี่ยหูฟังเสียงแหลมของมันพล่ามต่อไปไม่หยุด

                            “ข้าขอตอบคำถามของท่าน มาสเตอร์คนใหม่
                      พวกข้าคือผู้ช่วยของมาสเตอร์ซานต้ายังไงล่ะ
                      มาสเตอร์คนเก่าของพวกข้าก็คือ
                      ชายแก่ที่ท่านเอาอิฐฟาดหัวไปเมื่อครู่ไงล่ะ
                      อย่าบอกนะว่าท่านลืมไปแล้ว”

                            ผมนิ่งอึ้งกับคำอธิบายของมัน
                      นี่มันกำลังบอกว่าซานตาคลอสมีจริง
                      และผมเพิ่งจะฆ่าซานตาคลอสไปงั้นเรอะ !
                      ความเป็นจริงพรรค์นี้แม่งเลวร้ายกว่าไม่มีซานตาคลอสอยู่จริงเป็นไหนๆ
                      แล้วที่สำคัญ
                      ถ้าคนทั่วโลกรู้ว่าไอ้ห่าหน้าส้นตีนพวกนี้เป็นตัวแทนของคริสมาสต์จะทำหน้าเหวอกันขนาดไหนวะ
                      ผมนึกสงสัยขึ้นมาทันควัน

                            “นี่แกจะบอกว่าไอ้แก่เมื่อตะกี้เป็นซานตาคลอสตัวจริงเรอะ !”

                            ผมถามย้ำ ในใจยังรู้สึกกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
                      เจ้าภูตปีศาจก้มร่างม้อต่อของมันโค้งอย่างนอบน้อม ก่อนจะกล่าวต่อ

                            “แน่นอนอย่างยิ่ง
                      มาสเตอร์คนเก่าปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และขยันขันแข็งมาเป็นเวลาถึง
                      50 ปีเชียวนะขอรับ น่าเสียใจในความตายอันน่าเศร้าของท่านจริงๆ ”

                            มันกรีดกรายแสร้งควักผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา
                      แต่ในวินาทีถัดมามันก็ฉีกผ้าผืนน้อยเป็นชิ้นๆ
                      ปลิวว่อนไปทั่วห้องพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแหลมแก้วหูอีกครั้ง
                             
                            “แต่พวกเราได้มาสเตอร์คนใหม่แล้ว !
                      มาสเตอร์คนเก่าที่น่าสงสารตรากตรำกับงานนี้มานานเกินไปแล้ว
                      หมดสภาพแล้ว ! หมดสภาพแล้ว ! หมดสภาพแล้ว !”

                            เจ้าปีศาจส่งเสียงกรีดก้องซ้ำไปซ้ำมา เจ้าภูตตัวอื่นๆ
                      ก็ส่งเสียงร้องตะโกนก้องร่วมกับมันด้วย
                      สภาพในห้องดูไม่ต่างไปจากการเฉลิมฉลองของปีศาจ แต่แล้ว
                      ก่อนที่อพาร์ทเมนต์เก่าคร่ำนี่จะพังลงด้วยเสียงร้องครึกโครมของพวกมัน
                      เจ้าสโนว์บอลก็โบกมือให้ปีศาจจ้อยตัวอื่นเงียบเสียง
                      ก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม

                            “ดังนั้น พวกเราจึงจำเป็นต้องเลือกมาสเตอร์คนใหม่
                      ซึ่งก็คือท่านไงล่ะ ท่านมาสเตอร์คนใหม่
                      ท่านซานตาคลอสผู้ทำให้ความฝันของเด็กๆ
                      ทั่วโลกเป็นจริงในวันคริสมาสต์อันศักดิ์สิทธิ์ !”
                             
                            มันหยุดพูดแล้วก้มลงโค้งมาทางผมอย่างอ่อนน้อม เจ้าตัวอื่นๆ
                      ก็ทำเช่นเดียวกัน
                      ซึ่งถ้าผมไม่ได้อยู่ในสภาพที่โดนตรึงแขนข้าอ้าซ่าอยู่บนพื้น
                      ก็อาจจะรู้สึกดีกับมันขึ้นมาบ้างก็ได้

                            
                      “ตอนที่พวกเรากระซิบบอกมาสเตอร์คนเก่าว่าท่านคือมาสเตอร์คนใหม่น่ะ
                      ท่านดีใจมากจริงๆ นะ
                      ข้าไม่เคยเห็นท่านทำท่าดีใจขนาดนั้นมาก่อนเลย
                      น่าสงสารท่านมาสเตอร์คนเก่า ท่านเหนื่อยมานานแล้วจริงๆ
                      หน้าที่การตรากตรำควบคุมโรงงานผลิตของขวัญทุกวัน...ทุกวัน...
                      ต้องฟังคำขอเห็นแก่ตัวที่ซ้ำซากน่าเบื่อหน่ายของเด็กๆ...
                      ต้องบังคับเลื่อนท่ามกลางความเหน็บหนาวไปทั่วโลก ....
                      ลอบเข้าไปในบ้านคนอื่น ทำตัวลับล่อๆ เหมือนหัวขโมย..
                      ทุกอย่างที่ว่ามานี้ทำโดยไม่มีวันหยุด ไม่ได้เงินเดือน
                      และไม่มีเวลาพัก ซานตาคลอสไม่อาจมีความต้องการของตัวเองได้หรอกนะ
                      ท่านมาสเตอร์คนใหม่…”

                            ผมนิ่งอึ้ง... นี่แปลว่าเพราะผมฆ่าไอ้แก่ใกล้ตายไปคนหนึ่ง
                      ผมต้องถูกจับยัดเข้าสู่โรงงานนรกงั้นหรือ นี่มันบ้าชัดๆ ไม่จริง
                      มันโกหก โกหก ! ความคิดสับสนอึงอลอยู่ในหัวผม
                      แต่ก่อนที่ผมจะได้ร้องประท้วงใดๆ
                      เสียงพวกเอลฟ์นรกก็ดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาก่อน

                            “ท่านโทนาคายมาแล้ว ! ท่านโทนาคายมาแล้ว !
                      ท่านโทนาคายมาแล้ว !”

                            ผมเอี้ยวศีรษะไปทางช่องหน้าต่าง
                      สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือภาพที่ยากจะเชื่อ
                      แต่ถึงจุดนั้นแล้วผมพร้อมที่จะเชื่อทุกอย่าง
                            
                      ภาพเลื่อนสีเงินที่พุ่งเข้ามาทางอากาศอย่างเงียบกริบทำให้ผมแทบร้องโวยวายออกมา
                      แต่เลื่อนนั้นกลับทะลุผ่านหน้าต่างมาได้ราวกับไม่มีอะไรขวางกั้น
                      มันแล่นเข้ามาจอดอย่างนิ่มนวลในอพาร์ทเมนต์รูหนูของผมได้ ทั้งๆ
                      ที่ดูแล้วขนาดมันน่าจะใหญ่กว่าขนาดห้องด้วยซ้ำ แต่ช่างมันเถอะ
                      สิ่งที่ทำให้ผมขนลุกเกรียวก็คือเจ้าอสูรที่ขับขี่เลื่อนนั่นแหละ
                            ท่าทางมันเหมือนชายร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
                      ทว่าทั่วร่างกลับมีขนและลายของกวางปกคลุม
                      ส่วนใบหน้านั้นผมไม่อาจบอกได้ว่ามันเหมือนอะไร
                      เนื่องจากเจ้าอสูรนั่นใส่หน้ากากหนังปิดมิดชิด
                      เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีเหลืองเป็นประกายดุร้ายและเขี้ยวแหลมคม
                      มีเขาแหลมเหมือนเขากวางงอกขึ้นมาระเกะระกะเหนือศีรษะ
                      ทว่าแทนที่มันจะเป็นสีขาวสะอาดกลับเป็นสีแดงฉานไม่ต่างจากตะบองเหล็กเผาไฟร้อนระอุ


                            
                      เจ้าพวกเอลฟ์พากันย่อตัวลงทำความเคารพมันอย่างนอบน้อมโดยพร้อมเพรียงกัน
                      ไม่มีวี่แววของความเฮฮาเมื่อครู่อยู่เลย
                      เจ้าสโนว์บอลส่งเสียงแหลมต้อนรับเจ้าอสูรขับเลื่อนอย่างยำเกรง
                             
                            “ท่านโทนาคาย นี่คือมาสเตอร์คนใหม่ขอรับ
                      เชิญท่านตรวจดูได้”

                            เจ้าอสูรโทนาคายพยักหน้ารับ ก่อนออกคำถามสั้นๆ

                            “เจ้าบอกหน้าที่ให้มันรู้หรือยัง”
                            “ขอรับ ข้าน้อยบอกทุกอย่างไปแล้ว
                      แต่ไม่ทราบว่ามาสเตอร์คนใหม่จะทำความเข้าใจได้เพียงไร”
                            เอลฟ์ร่างจ้อยรายงานอย่างฉาดฉาน
                      เจ้าอสูรที่ได้รับนามโทนาคายเหลือบตามองดูร่างที่นอนแผ่อย่างไร้ทางสู้อยู่ บนพื้นของผมเพียงครู่ก็ก้มลงกระชากแขนผมขึ้น
                      เชือกไนลอนที่เคยเหนียวแน่นมาบัดนี้กลับดูเปราะบางราวใยแมงมุม
                            ให้ตายเถอะ ! ร่างมันใหญ่จริงๆ พละกำลังก็มหาศาล
                      มันบีบคอผมห้อยต่องแต่งอยู่เหนือพื้นได้อย่างสบาย
                      มือแข็งราวกับคีมเหล็กร้อนระอุราวเหล็กเผาไฟ ผมอยากจะกรีดร้อง..
                      ทว่ามีเพียงเสียงครืดคราดล่วงลำคอออกมาเท่านั้น
                      นัยย์ตาสีเหลืองอ่อนของมันถลึงจ้องมองผมอย่างดุร้าย
                      ก่อนออกคำสั่ง
                             
                            “ฟังให้ดี ข้าจะพูดเพียงหนเดียว จากนี้ไปแกคือซานตาคลอส
                      เป็นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนมาแทนแก
                      วิธีเดียวกับที่แกเข้ามาแทนซานตาคลอสนั่นแหละ
                      พรุ่งนี้เป็นวันคริสมาสต์ เรามีงานมหาศาลต้องทำ เริ่มได้แล้ว !”
                             
                            ว่าแล้วมันก็เหวี่ยงผมจนเซหลุนๆ ไปปะทะกับเลื่อนสีเงิน
                      ผมก้มลงมองมันอย่างงงวย เอาเถอะ มันอาจจะไม่เลวนักก็ได้
                      ได้ขับเลื่อนสีเงินทะยานไปกลางอากาศ
                      ถึงจะมีเอลฟ์ประสาทกับกวางโทนาคายสุดโหดเป็นผู้คุมก็เถอะ
                      ตอนนี้ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่กลายเป็นเสื้อผ้าในแบบฉบับของซานตาคลอส
                      แดงขาวปุกปุย สงสัยว่าจะโดนเปลี่ยนตอนหมดสติ เอาวะ
                      ยังไงก็เล่นตามน้ำไปก่อน
                      แล้วค่อยฉวยโอกาสหนีไอ้พวกประสาทนี่อีกที
                      ผมปีนขึ้นไปนั่งบนเลื่อน ทว่าถูกกระชากลงมาด้วยแรงมหาศาล
                      ก่อนที่มือเหล็กคู่เดิมจะสวมอะไรบางอย่างฉับเข้าให้ที่คอของผม
                  &
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×